Tag Archives: กีตาร์ไฟฟ้า

James Tyler Studio Elite 1987 รุ่นฉลองครบรอบ 35 ปี

James Tyler Studio Elite 1987

ไอเดียของ ซาร่าห์ ไทเลอร์ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีอย่างเป็นทางการของรุ่น Studio Elite
กีตาร์ James Tyler รุ่น Studio Elite นั้นเริ่มต้นผลิตขึ้นในปี 1987 ซึ่งเป็นรูปทรง Body และ Headstock ที่เราคุ้นตากันดีในปัจจุบัน
จนมาถึงปี 2022 ก็ครบ 35 ปีพอดี

ส่วนของสเปคบอดี้จะเป็นไม้ Mamywo (Jelutong) เพื่อให้ได้ซาวด์ที่ทำให้นึกถึง Tylers รุ่นแรกๆ ที่ทุกตัวใช้ไม้ Mamywo ในการทำบอดี้
คอเป็น Quartersawn Maple ปะหน้า Indian Rosewood ทรง Standard ’59 ส่วนปิ๊กอัพตัว Neck/Mid เป็น HCS-Stingray 500
ตัว Bridge เป็น California Special แบบ Slant ทั้งเซ็ต ลูกบิด Hipshot Locking สีทองที่ใบลูกบิดเป็น Pearl
ที่จัดเต็มขั้นสุดคือวงจรคอนโทรลสวิตซ์ต่างๆ ทั้ง Mid Boost Preamp, Lead/Rhythm Circuit, Series/Parallel Switch
และ Neck/Bridge On Button ที่เปิดในงานปิ๊กอัพตัว Neck/Bridge เพื่อให้ได้ซาวน์แบบ Tele นั้นเอง
สเปคของรุ่นนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อคงความพิเศษของรุ่นฉลองครบรอบ 35 ปี เอาไว้นั่นเอง

James Tyler Studio Elite 1987 รุ่นฉลองครบรอบ 35 ปี ของโมเดล Studio Elite ที่มากับความพรีเมี่ยมสุดเเสนจะพิเศษ
โดดเด่นด้วยสี Malibu Beach Shmear พร้อมกับฮาร์ดแวร์สีทอง อินเลย์จะเป็น Gold Mother of Pearl ที่เฟรต 12 จะเป็นเลข 1987
ซึ่งเป็นปีที่เริ่มทำโมเดล Studio Elite ที่ Headstock เอง ทำ Faux Matching Headstock ตัวโลโก้เป็น Big California Signature อีกด้วย

ท่านที่กำลังสนใจสั่งคัสต้อม James Tyler USA ทัก inbox เพจร้าน iGuitar Music เข้ามาพูดคุยกับเราได้เลยครับ
ไม่ว่าจะอยากได้กีตาร์สีแบบไหน สเปคแบบไหน เราพร้อมจัดให้เลย iGuitar ยินดีดูแลทุกขั้นตอนจนถึงส่งมอบและหลังการขายครับ!!

↓ปรึกษาการสั่ง Custom James Tyler ได้ที่ Line@ ↓

https://lin.ee/PLDGoDi

Fender Player ii และการกลับมาของไม้ Rosewood

ใหม่ล่าสุด Fender Player II Series

ที่มากับสีใหม่ซึ่งเป็นสีสไตล์วินเทจของทาง Fender ในรุ่นสูง และที่สำคัญคือการกลับมาของฟิงเกอร์บอร์ด ” Rosewood ” ในรุ่นนี้ซึ่งต่างจากรุ่นแรกๆ ที่ใช้ไม้ Pau Ferro ในการทำฟิงเกอร์บอร์ด และลูกบิดสไตล์วินเทจ อีกด้วยแน่นอนว่าในทรงอื่นก็มีมาด้วยเช่นกันรออัพเดทราคาเข้าไทยผ่านทางเพจ iGuitar เร็วๆ นี้ครับ

Paul Ray Let’s Rock กีตาร์ Relic สไตล์ LP ที่งานดีเกินราคา

Paul Ray Let’s Rock Relic Series LP Style

กีตาร์รีลิคทรง LP รุ่นใหม่ของทาง Paul Ray Guitar ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว สวยงาม
ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้กีตาร์ดูเก่า ดูทรงคุณค่า ผ่านตามรอยแตกของสี ให้เหมือนกับผ่านการใช้งานมานานหลายปี

มีมาให้เลือกทั้งหมด 3 สี มีทั้งแบบ Heavy Aged ที่จะทำรีลิคมาแบบหนักๆ รอยแตก รอยสีลอกเยอะๆ ชัดๆ
และ Light Aged ที่จะได้ฟิลแบบกีตาร์ใช้งานมานานๆ จนสีลอกตามมุมต่างๆ มาให้เลือกตามความชื่นชอบของแต่ละคน
บอดี้ทำมาจากไม้ Lightweight Mahogany ชิ้นเดียว น้ำหนักค่อนข้างเบา อยู่ราวๆ 3.7-3.8 กิโลกรัมเท่านั้น ถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้เลย
ปะหน้าด้วย Flame Maple Veneer เพื่อเพื่มความสวยงามของตัวกีตาร์ และทำให้รอยแครก รอยแตกของสี ดูชัดขึ้นทันที
คอทำมาจากไม้ Lightweight Mahogany ชิ้นเดียวเช่นกัน และเคลือบแบบบาง ยังให้ความลื่นไหลทุกๆ ช่วงคอ ไม่เหนียวเหมือนคอเคลือบเงา
ฟิงเกอร์บอร์ดเป็นไม้ Rosewood 22 เฟรต Radius 12″ ปิ๊กอัพจะเป็นรุ่น Paul Ray Standard Alnico Humbucker
ที่เมื่อเล่นกับเสียงแตกมีความทรงพลัง ดุดัน หางเสียงยาว เล่นกับเสียงคลีนก็หวาน อุ่น หนา ตามสไตล์ของกีตาร์ทรงนี้
พร้อมกับของแถม และกล่องฮาร์ดเคสสุดพรีเมี่ยมจากทาง Paul Ray Guitar อีกด้วย

Fender เปิดตัวรุ่นใหม่ American Professional II Thinline Collection

Fender American Professional II Thinline Collection

การกลับมาของ Stratocaster Thinline ที่คุ้นหน้าคุ้นตาในรุ่นซิกเนเจอร์ของ Eric Johnson ที่ยกเลิกการผลิตไป
รอบนี้ Fender ได้เปิดตัว Thinline Collection Limited Edition ในราคา $1,949.99 หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท
มีทั้งทรง Strat และ Tele โดย Spec บอดี้เป็น Semi-Hollow Ash โทนสีพาสเทล See Thru ที่จะมองเห็นลายไม้นิดๆ
คอ Maple ปะหน้า Rosewood ทรง Deep “C” เรเดียส 9.5″ ชุดปิํกอัพ V-Mod II Single-Coil Strat®
ความพิเศษอีกอย่างคือ Push-Push Tone ที่สามารถเปิดใช้งาน Neck Pickup เมื่อเราปรับ Selector ไปที่ตำแหน่งที่ 1 และ 2
เพื่อสร้างคาแรคเตอร์เสียงได้หลากหลายมากขึ้น มาพร้อมกับ Fender Deluxe Molded Hardshell Case

ใครที่ชื่นชอบทรง Strat หรือ Tele ที่เป็น Semi-Hollow ต้องไม่พลาด เพราะเป็น Limited Edition
และแน่นอนว่าชื่อรุ่น American นั้นคืองานผลิต Made in USA การันตีคุณภาพ และเสียง ว่าดีแน่นอน
ติดตามอัพเดทราคา และวันสินค้าเข้าได้ทางเพจ iGuitar เลยครับ

เปิดตัว Fender American Professional II Thinline Collection ใหม่ล่าสุด
ใครที่ชื่นชอบทรง Strat หรือ Tele ที่เป็น Semi-Hollow ใน Collection นี้ก็มีมาทั้งสองทรงเลย โทนสีพาสเทล See Thru ที่จะมองเห็นลายไม้นิดๆ พิเศษไปกว่านั้นคือปิ๊กอัพ V-Mod II Stratocaster single-coil ที่ให้มาในรุ่นนี้ สินค้าเข้าตอนไหนรอติดตามอัพเดททางเพจ iGuitar ได้เลย
「𝐅𝐞𝐧𝐝𝐞𝐫 𝐋𝐢𝐦𝐢𝐭𝐞𝐝 𝐄𝐝𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐀𝐦𝐞𝐫𝐢𝐜𝐚𝐧 𝐏𝐫𝐨𝐟𝐞𝐬𝐬𝐢𝐨𝐧𝐚𝐥 𝐈𝐈 𝐒𝐭𝐫𝐚𝐭𝐨𝐜𝐚𝐬𝐭𝐞𝐫® 𝐓𝐡𝐢𝐧𝐥𝐢𝐧𝐞」
การกลับมาของ Stratocaster Thinline ที่คุ้นหน้าคุ้นตาในรุ่นซิกเนเจอร์ของ Eric Johnson ที่ยกเลิกการผลิตไป รอบนี้ Fender ได้เปิดตัว Thinline Collection ที่มีมาทั้งทรง Strat และ Tele 
บอดี้เป็น Semi-Hollow Ash คอ Maple ปะหน้า Rosewood ทรง Deep "C" เรเดียส 9.5" ชุดปิํกอัพ V-Mod II Single-Coil Strat® ความพิเศษอีกอย่างคือ Push-Push Tone Control ที่สามารถเปิดใช้งาน Neck Pickup เมื่อเราปรับ Selector ไปที่ตำแหน่งที่ 1 และ 2 เพื่อสร้างคาแรคเตอร์เสียง ได้หลากหลายมากขึ้น มาพร้อมกับ Deluxe Molded hardshell case

สาวก Pop-Punk พลาดไม่ได้!!! Signature ใหม่ล่าสุดของ Tom Delonge มือกีตาร์/ร้องนำ วง Blink 182

Blink 182 Fender Tom DeLonge

ทาง Fender ได้เปิดตัว Signature รุ่นใหม่ล่าสุดของ Tom DeLonge

กีตาร์ร้องนำจากวง Blink 182 วงป็อปพังค์ระดับตำนาน

โดยเป็นทรง Starcaster ปิ๊กอัพเดียว ซึ่งหลายคนอาจเห็นตามคลิปคอนเสิร์ตของวงมากซักพักแล้ว
มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน Shoreline Gold, Surf Green, Olympic White, Shell Pink โดยทุกตัวจะเป็นคอดำ
นอกจากนี้ยังให้สเปคเป็นคอ Roasted Maple (คอเผา) ถือว่าตรงยุคมากๆ
มาพร้อมปิ๊กอัพเดียว วอลุ่มเดียว โดย Pickups เป็นของ Seymour Duncan รุ่น SH-5 ความแรงระดับ medium output
และวอลุ่มที่ใส่ Treble Bleed Circuit มาด้วย ช่วยรักษาย่านเสียงแหลมเวลาลดวอลุ่ม ตอบโจทย์สาย Punk สุดๆ
สำหรับราคานั้นทาง Fender เปิดตัวไป 1,200 usd หรือประมาณ 44,000 บาท



Tom DeLonge Blink 182 Fender Starcaster

กีตาร์ไฟฟ้า 2 ทรง ยอดนิยมตลอดกาล

The most popular guitar style (Strat and Tele)
Credit Image: Paul Davids
กีตาร์ไฟฟ้ามีหลากหลายทรงมากๆ แต่หลายคนจะคุ้นตากีตาร์ไฟฟ้าที่มีหน้าตาแบบ Stratocaster มากที่สุด
ด้วยความที่หน้าตาดูเรียบง่าย สวย คลาสสิค บางสีก็ดูหรูหราไปเลย และอีกทรงที่นิยมไม่แพ้กันคือ Telecaster
ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ Strat ในหลายเรื่อง มี Scale Length เหมือนกัน Neck Shape คล้ายกัน Headstock คล้ายกัน
แต่ด้วยทรงของ Body ที่เป็นแบบ Single Cut และชนิดของ Pickups สไตล์ Tele ที่ซาวด์เป็นเอกลักษณ์มากๆ

แบรนด์ทางเลือก
ในปัจจุบันนอกจากแบรนด์ Fender ที่เป็น Original ของทั้ง 2 ทรงนี้แล้ว ก็ได้มีแบรนด์ทางเลือกออกมามากมาย
ที่ยังคงรูปลักษณ์แบบ Original ไว้ แต่ใช้วัสดุที่แตกต่างกัน อย่างแบรนด์ Shijie จากจีนที่ขึ้นชื่อว่างานประกอบสุดยอดมากๆ
และเลือกใช้ไม้ที่มี Grain สวย คัดเกรดอย่างดี คอเป็นไม้ Quarter Sawn Roasted Maple เป็นไม้เสี้ยนตรง เพิ่มความแข็งแรง
แบรนด์ Gilmour จากประเทศเกาหลี ที่สามารถ Custom Spec ทั้งไม้ และวงจรได้หลากหลายมาก
หรือแบรนด์ Paul Ray ที่รุ่น Relic ราคาเกือบ 2 หมื่นบาท แม้ราคาค่อนข้างสูงแต่ได้รับการตอบรับอย่างดี
จึงมีรุ่น Relic Aged ออกตามมา ซึ่งอยู่ในช่วงราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น ก็ได้รับการตอบรับจน out of stock ภายในเวลาไม่กี่เดือน
ล่าสุดได้ออกซีรี่ย์ Classic Plus S และ Classic Plus T เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชอบความ Classic ในสีสันใหม่ๆ ราคาเข้าถึงง่าย ไม่เกินหมื่น
ที่คุณภาพดีเกินราคา และมีนักดนตรีอาชีพนำไปใช้งานจริงๆ

Paul Ray Classic Plus Series รุ่นใหม่ จัดเต็ม มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นบ้าง?

นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Paul Ray Guitars ในรุ่นสี Solid ที่มาในปี 2023 ได้จัดเต็มสเปคใหม่ และการผลิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด


สีใหม่ในรุ่นใหม่ ◄ ในครั้งนี้ทาง PRG ได้ออกสีใหม่อย่าง Pastel Sonic Blue ที่เป็นสีที่สว่างกว่าสี Sonic Blue แบบปรกติ ตรงตามเทรนในยุคนี้ที่สี Pastel กำลังมาแรง รวมไปถึงสี Shell Pink รุ่นใหม่ที่นิยมไม่แพ้กัน อีกทั้งในรุ่นที่เหนือขึ้นไปอีกอย่างรุ่น Roasted ยังมีสีพิเศษแบบ See Thru ทั้งสองสี Pastel Sonic Blue , White และ Surf Green ที่ทำสีให้มองเห็นไม้บอดี้ด้านล่างนิดๆ ตัวจริงสวยมากๆ

งานสีในแบบที่กีตาร์ควรจะเป็น ◄ บ่อยครั้งที่เราซื้อกีตาร์ใน range เดียวกันแต่กลับได้งานสีที่ดูไม่สวย และดูไม่ใช่กีตาร์ราคาสูง แต่มาตรฐานของ PRG ให้สีพิเศษที่อยู่ในกีตาร์พรีเมี่ยมเกรด และโทนสีทั้งหมดจะเป็นในแบบที่กีตาร์ที่ดีควรจะเป็น ถ้าได้มาดูตัวจริงจะเห็นถึงความแตกต่าง เราใช้สีพรีเมี่ยมเกรด ที่คุณสามารถถมองออกว่า “แตกต่าง” ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

คอเผาในรุ่น Roasted ◄ ครั้งแรกที่ PRG ผลิตกีตาร์คอเผา Roasted Maple Neck ออกมาเพิ่อเป็นทางเลือกให้กับมือกีตาร์และมือเบสที่ชื่นชอบซาวน์และสัมผัสของคอเผา เสียงกลางที่ชัดเจนและสัมผัสที่เรียบเนียนของคอเผา ทำให้รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่ถูกใจคนเล่นได้อย่างแน่นอน เพราะมันดีจริงๆๆๆ

เรเดียส 16″ ◄ เรเดียสที่เหมาะกับผู้เล่นทุกสไตล์ไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือมืออาชีพ ดันสายง่าย ไม่เปลืองแรง จะเล่นแบบไหนก็ถนัด ไม่ว่าจะปั่นเร็วๆหรือเล่นช้าๆเพราะๆก็เอาอยู่

Locking Tuner ◄ มือกีตาร์ที่ชอบเล่นคันโยกมักมีปัญหาสายเพี้ยน PRG จึงอัพเกรดลูกบิดล็อคสายมาให้ในรุ่น Classic Plus และเป็นอะไหล่เกรดเยี่ยมอีกด้วย

Wilkinson Bridge ◄ ในรุ่น Classic Plus มาพร้อม Wilkinson Vintage Tremolo Bridge แบบ Block เต็มให้ทุกตัว รวมไปถึง Tele และ J Bass ก็ให้ Bridge ของ Wilkinson แบบ Saddle ทองเหลืองมาอีกด้วย ได้ TOne , Sustain และ Harmonic ที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

ขุมพลัง Pickup ของทาง Paul Ray ◄ ด้วย Pickup ที่ออกแบบโดย PRG เอง ทำให้ได้โทนที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร คุณภาพมาตรฐานสูง ท้าให้มาลอง!

กระเป๋าแบบบุหนา 10mm ◄ โดยปรกติกีตาร์ใน range เดียวกันมักจะให้กระเป๋าที่บางมากเช่น 5-8mm ทำให้ใช้งานไม่ได้จริงและส่วนใหญ่มี Design ที่ไม่สวยงาม แต่ PRG ทุกรุ่นจะมาพร้อมกระเป๋า design สุดล้ำแบบบุหนาถึง 10mm มาให้คู่ตัวเลย จัดเป็นตัวจบได้เลยโดยไม่ต้องไปหาซื้อกระเป๋ามาใหม่



สนใจเข้าไปดูกีตาร์และรุ่นทั้งหมดได้เลยที่

SAITO GUITARS กีตาร์ไฟฟ้าที่เรียบง่ายและสวยงาม

SAITO GUITARS กีตาร์ไฟฟ้าที่เรียบง่ายและสวยงาม SAITO GUITARS เป็นกีตาร์ไฟฟ้า ที่ผลิตที่ประเทศ ญี่ปุ่น ทั้งตัว ซึ่งทาง SAITO GUITARS ได้สร้างกีตาร์ขึ้นมาโดยใช้หลักที่ว่า “เรียบง่ายและสวยงาม”  และทาง SAITO GUITARS ก็หวังว่า มันจะกลายเป็น “เครื่องมือ” ที่ดึงเอาศักยภาพของนักดนตรีออกมาอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ในดนตรีประเภทใดก็ตาม เรามาฟังประวัติของ SAITO GUITARS กันคราวๆดีกว่าครับ เริ่มเลยแล้วกัน SAITO GUITARS นั้น ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี 1991 โดยนาย Masaaki Saito ช่างซ่อมกีตาร์ไฟฟ้า ได้ก่อตั้งร้านซ่อมกีตาร์ขึ้นใน adachi-ku Tokyo แล้วต่อมาอีก 13 ปี ในช่วงปี 2004 เขา Masaaki Saito และพนักงานในร้านอีก 3 คน ได้เปิดร้านซ่อมกีตาร์อีกแห่งใน Kamiuma Setagaya-ku จนกระทั่งในปี 2008 ทาง Masaaki Saito ได้ย้ายร้านอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาได้ย้ายไปที่ Shimotakaido ใน Suginami-ku ผ่านไป 3 ปีทาง Masaaki Saito ได้รวบรวมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จึงได้เริ่มทำการผลิตปิ๊กอัพขายเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อ “SAYTONE Handwiring Pickups”ได้เริ่มทำในปี 2011 และยังคงใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน และในปี 2012 เขาได้เปลี่ยนร้านซ่อมกีตาร์ ให้กลายเป็นบริษัท โดยใช้ชื่อว่า Saito Gakkikoubou Inc. แล้วได้ย้ายร้านอีกครั้งไปที่ Kawaguchi city ใน Saitama แล้วในปี 2014 ทาง Masaaki Saito ได้เปลี่ยนกิจการจากการรับซ่อมกีตาร์ มาเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเต็มตัว โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “SAITO GUITARS” และได้เปิดตัวกีตาร์รุ่นแรกทีชื่อรุ่นว่า M-Series ซึ่งเป็นกีตาร์โปร่ง ไม่ใช้กีตาร์ไฟฟ้าที่เหมือนในปัจจุบัน

กีตาร์โปร่ง Saito M-Series

จนในปี 2015 ทาง SAITO GUITARS ได้เปิดตัวกีตาร์ไฟฟ้ารุ่นแรกชื่อรุ่นว่า S-Series โดยกีตาร์ไฟฟ้ารุ่นนี้ เริ่มการผลิตโดยใช้เครื่อง CAD และ NC โดยใช้โปรแกรม machining และเปิดตัวกีตาร์ไฟฟ้ารุ่นต่างๆ มากขึ้นรวมถึง S-622 และเริ่มรับ Select Order เป็นช่วงแรกๆอีกด้วย ทาง SAITO GUITARS ได้เริ่มจำหน่ายกีตาร์หัวตัดรุ่นแรก ในปี 2017 ในรุ่น S-Series “S-HL7” พร้อมยูนิต Headless ดั้งเดิมที่ทาง Saito ออกแบบเอง โดยให้ทาง Gotoh ผลิตให้ ในปี 2018 ทาง Saito ได้มียอดจัดส่งสะสมสำหรับ S-Series เกิน 1,000 คัน และในปี 2019 SAITO GUITARS ได้เริ่มผลิตเบสขึ้นโดยใช้ชื่อรุ่น S-420b และ S-521b เป็นรุ่นพื้นฐานรุ่นแรก เริ่มจำหน่าย Portrait Line เปิดตัวเครื่อง CNC รุ่นล่าสุด SHODA NCN 8200 เปิดตัว S-420b และ S-521b เป็นเบสรุ่นแรกและ Portrait Line โรงงานของเราได้รับการติดตั้ง SHODA CNC machine tool และล่าสุดในปี 2022 นี้เอง SAITO GUITARS ได้ผลิตกีตาร์ไฟฟ้าในราคาย่อมเยาว์ โดยใช้ชื่อว่า SR-Series โดยทำการผลิตปิ๊กอัพ รุ่น “SAYTONE ROBO Winding” ผลิตโดยการใช้เครื่องจักรในการผลิต ทำให้มีราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ง่ายขึ้น และทั้งหมดนี้ก็ประวัติของทาง SAITO GUITARS ที่ทาง iGuitar ได้รวบรวมที่ไปที่มา มาให้เพื่อนๆ ทราบ ว่าการทำกีตาร์ไฟฟ้าของเขาหรือคอนเซปในการผลิตต่างๆ นั้นมีเรื่องราวเป็นยังไง
SAITO S-622 SSH Matching Head [Dot Inlay] – Atlantis
SAITO S-521b – Ash Naked
SAITO S-622CS STANDARD SSH [ EXTRAORDINARY WENGE NECK ] – Mustard
SAITO SR-22 SSH – Greige
Line
Messenger
Phone
Messenger
Line
Phone